วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

สรุปคำบรรยายจากแพทย์แผนจีน

“ เมื่อชีวิตสุขสบาย  ต้องไม่ไป ( ตาย ) ก่อน99”



             ทุกคนอยากมีชีวิตสุขสบายไร้โรคา  ท่านทั้งหลายมาฟังการบรรยายก็มีจุดประสงค์อย่าง
เดียวกัน ผมขอถามว่า  อายุขัยของคนเราสูงสุดคือเท่าไร บางคนบอกว่าสูงสุด 150 ปี   ต่ำสุด 120
ปี ซึ่งไม่ถูก  มนุษย์เรามีระยะเจริญเติบโต 20-25 ปี  อายุขัยเป็น5-7 เท่าของระยะเจริญเติบโต
คือต่ำสุด 100 ปี  สูงสุด 175 ปี  การจะอยู่ถึงร้อยปีไม่ใช่ฝันอีกแล้ว  แต่ขึ้นอยู่กับว่าคุณอยากอยู่ถึ
ขนาดนั้นหรือไม่

             จะอยู่ร้อยปีก่อนอื่นต้องมีสุขภาพดี  แล้วสุขภาพดีมาจากไหน ?  มาจาก พื้นฐาน 4
ประการในชีวิตประจำวัน

ประการแรก  คือภาวะจิตที่สงบสุข

ประการที่สอง  คือรับโภชนาการที่สมดุล

ประการที่สามคือออกกำลังกายพอเหมาะ

ประการที่สี่คือนอนหลับเพียงพอ  โดยปรกติแล้ว ประการที่สี่ชักจูงให้งดบุหรี่และเหล้า ผมขอแก้เป็นนอน
หลับเพียงพอ  ดั่งที่โบราณท่านว่า “ อดนอนทุกวัน  ชีวิตสั้นไป10 ปี ”




             พื้นฐานสุขภาพ 4 ประการ  ต้องเรียงตามลำดับ  สมัยนี้มีบทความมากมายเขียนถึง
เรื่องนี้   แต่ถ้าไม่พูดถึง ภาวะจิตใจเป็นประการแรก   แสดงว่าผู้เขียนไม่ใช่มืออาชีพ ไม่ต้องอ่านต่อ
แล้ว  เพราะแพทย์แผนจีนจัดภาวะจิตใจเป็นอันดับหนึ่งในการบำรุงสุขภาพ   กล่าวคือ  ภาวะจิตเป็นตัว
กำหนดพฤติกรรม และผลพวงต่างๆ เกิดจากพฤติกรรม

มองในแง่สรีระ คนเราอยู่ได้โดยอาศัยอวัยวะทั้ง 5 คือ ตับ  หัวใจ ม้าม ปอด และไตยกตัวอย่างเช่น
โรงพยาบาลออกใบมรณะบัตร มักจะระบุสาเหตุการตายว่า หัวใจวาย ตับวาย ไตวาย  เป็นต้น

ถ้าผู้ป่วยตายด้วยเส้นเลือดหัวใจอุดตัน  แสดงว่าเลือดเข้มข้นสกปรก แต่เลือดฟอกมาจากตับ  แสดงว่า
ตับหมดสมรรถภาพในการฟอกพิษหรือกลั่นกรองเลือดให้บริสุทธ  ิ์   ไหลเวียนไม่คล่องตัว  ทำให้อุดตัน
ในเส้นเลือดผู้ป่วยโรคหัวใจจำนวนมาก  ก่อนหัวใจวายมักจะบันดาลโทสะซึ่งเป็นสาเหตุทำลายการทำ
งานของตับ ด้วย เพราะฉะนั้น  โปรด จำไว้ว่า  อย่าโมโหโทโสซึ่งไม่ช่วยแก้ไขปัญหาใดๆ เลย  นอก
จากทำลายร่างกาย เ ท่านั้น  ขอฝากคำขวัญให้ทุกท่าน “ หัวเราะสามเวลา ห่างไกลโรคและยา
หัวเราะสามเวลา หมอต้องผูกคอลา ”




             ทีนี้มาพูด เรื่องโภชนาการ อักษรจีนต้องเขียนตามลำดับก่อนหลัง  ภาษาก็เช่นเดียวกัน
เราพูดวา “ ดุลยภาพแห่งโภชนาการ ” หมายความว่า  ดุลยภาพต้องมาก่อน โภชนาการจึงตามหลัง
มา WHO เตือนเราว่า  คนเราเกิดโรคมาจากสาเหตุ (1) รูปแบบการดำรงชีวิตไม่เหมาะสม (2) กิน
อาหารไม่สมดุล  หมายรวมถึงมากเกินและขาดแคลน นั่นคือ ไขมันมากเกิน  แต่แร่ธาตุและวิตามินขาด
แคลน สรุปคือ ไม่รู้จักกิน  ทำให้เกิดโรค



             อยากจะถามว่า  เรากินอาหารเพื่ออะไร ? คำตอบคื

(1) เพื่อดำรงชีพ

(2) เพื่อป้องกันโรค

(3) เพื่อรักษาโรค บรรดาโรคหัวใจ  โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน เกิดจากการกินทั้งนั้น  ใน
เมื่อกินแล้วทำให้เกิดโรคได้  ก็ต้องกินแล้วรักษาโรคได้เช่นกั




             แพทย์แผนจีนเป็นมรดกตกทอด 5 พันปี  ให้คนรุ่นหลังใช้รักษาโรค 5 ขั้นตอน



ขั้นตอน 1    รักษาด้วยอาหาร  หมอจะให้สูตรอาหารแก่คนไข้เป็นเวลาหลายเดือน ถ้าไม่ได้ผล  ก็จะ
ใช้

ขั้นตอน 2    กวาดทราย ดูดด้วยสุญญากาศ  บีบนวดและดึงดัน ถ้าไม่ได้ผล ก็จะใช้

ขั้นตอน 3    ฝังเข็ม ถ้าไม่ได้ผล  ก็จะใช้

ขั้นตอน 4  ใช้เหล้าดอง ถ้าไม่ได้ผล  ก็จะใช้

ขั้นตอน 5    ใช้ยา  ปัจจุบันหมอจะให้ยาทันทีที่คนไข้มาหา เป็นยาย่อมมีพิษ   คุณกินยาทั้งเดือนทั้งปี
ไม่มีวันที่โรคจะหายขาด




             Socrates บิดาแห่งแพทย์แผนปัจจุบัน  เคยกล่าวเตือนว่า “ จงกินอาหารให้เป็นยา
อย่ากินยาเป็นอาหาร ” จีนโบราณก็มีคำกล่าวว่า “ ใช้อาหารรักษาโรคดีกว่ายา ” แต่ทุกวันนี้มันกลับกัน
หมด



เรากินอาหารวันละ 3 มื้อ กินเพื่ออวัยวะชิ้นไหนกันแน่ ?



เราอยู่ได้เพราะอาศัยพลังงานจากอวัยวะทั้ง 5 พลังงานของอวัยวะได้มาจากการกิน  แต่ทุกวันนี้เรากิน
ตามใจและปาก ชอบอะไรก็กินมันทุกวัน อวัยวะทั้ง 5 ก็เหมือนกับคน  มีรสนิยมแตกต่างกัน

·        ตับชอบกินสีเขียว

·        หัวใจชอบกินสีแดง

·        ม้ามชอบกินสีเหลือง

·        ปอดชอบกินสีขาว

·        ไตชอบกินสีดำ

คำว่าดุลยภาพหมายถึงกินหลากหลายชนิด




             แพทย์แผนจีนใช้วิธีมอง  ฟัง ดม ถาม แมะ ก็สามารถวินิจฉัยโรคได้อย่างแม่นยำ ในที่
นี้ก็รวมทั้งการมองดูสี  ทั้ง 5 บนใบหน้านั่นเอง  ตัวอย่างเช่น

·        ตับมีปัญหา  สีหน้าจะออกเขียว

·        หัวใจมีปัญหา  สีหน้าจะออกแดง

·        ม้ามมีปัญหา   สีหน้าจะออกเหลือง

·        คนไข้หอบหืด  สีหน้าจะออกขาว

·        คนไข้ไตเสื่อม  สีหน้าจะออกดำ



ดังที่กล่าวแล้ว

·        ถั่วเขียวเหมาะสำหรับบำรุงตับ เพื่อให้ตับขับพิษออกจากร่างกาย  แต่ก็ต้องกินให้ถูกวิธี คน
ทั่วไปมักจะต้มถั่วเขียวจนเละซึ่งไม่ถูกต้อง  วิธีที่ถูกคือ ต้มให้น้ำเดือดประมารณ 5-6 นาทีก่อนที่ถั่วจะ
แตกเม็ด  รินเอาน้ำออกซึ่งจะได้น้ำถั่วเขียวที่มีสีเข้มข้นที่สุด  ดื่มแล้วมีสรรพคุณขับพิษสูงสุด จากนั้นเอา
ถั่วเติมน้ำต้มต่อจนเละกินเป็นอาหาร

·        หัวใจชอบสีแดงให้กินถั่วแดง

·        ม้ามชอบสีเหลืองให้กินถั่วเหลือง

·        ปอดชอบสีขาวให้กินถั่วขาว

·        ไตชอบสีดำให้กินถั่วดำ



ทำไมถึงให้กินแต่ถั่ว ? เพราะตำรายาจีนมีคำว่า “ คนเรากินถั ่วทั้ง 5 จะสมบูรณ์พูนสุข ”โภชนาการ
แผนจีนก็เน้นว่า “ กินไม่พ้นถั่ว ” ขอยกตัวอย่างไม่ค่อยสุภาพ  ในชนบทเขาใช้ถั่วดำเลี้ยงปศุสัตว์ ทำให้
ไตแข็งแรงมีกำลังวังชา  สามารถทำงานหนักเตะปี๊บดัง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สุภาพสตรีควรบริโภคถั่ว
ตลอดชีวิต  เพราะนอกจากเป็นประโยชน์ต่ออวัยวะทั้ง5 แล้ว  ในถั่วยังมีสารที่กระตุ้นการทำงานของรัง
ไข่




ต่อไปจะพูดถึง รสชาติ



·        เปรี้ยวบำรุงตับ

·        ขมบำรุงหัวใจ

·        หวานบำรุงม้าม

·        เผ็ดบำรุงปอด

·        เค็มบำรุงไต



หมายความว่า ต้องกินให้ครบทุกรสชาติอย่างละนิด  ให้เกิดสมดุล เช่น รสเปรี้ยวบำรุงตับ  กินมากตับ
พัง จีนเป็นประเทศที่มีผู้ป่วยโรคตับมาก  ในจีนเองต้องยกให้มณฑลซันซีครองแชมป์โรคตับ เพราะคนที่นั่น
ชอบกินน้ำส้มสายชู  รสเผ็ดบำรุงปอด กินมากปอดพังเช่นกัน สถิติกระทรวงสาธารณสุขจีนปีที่แล้วระบุว่า
ชาวเสฉวนและชาวหูหนันที่อพยพจากจีนใต้ไปอยู่ภาคเหนือ  นำเอานิสัยชอบกินพริกติดตัวไปด้วย นานวัน
เข้าเป็นโรคมะเร็งในปอดตามๆ กัน  ทั้งนี้เพราะเหตุว่า ภาคใต้อากาศชื้น กินเผ็ดป้องกันความชื้นได้
แต่ภาคเหนืออากาศแห้ง กินเผ็ดมากจะทำลายปอด พึงจำไว้ว่า  ใครอยู่ถิ่นไหนให้กินของถิ่นนั้น  ไม่ใช่
ว่ากินของได้ทั่วทุกถิ่น




กินอาหารอย่างไรจึงจะเหมาะ ?



ง่ายนิดเดียว  มีหลักการจำดังนี้ “ สีสัน  หยาบ - ละเอียด  ดิบ - สุก  คาว - เจ ”หมายความว่า
กินอาหารต้องคละกันหลากสีและรสชาติ หยาบแข็งควบคู่กับละเอียดนิ่ม สุกควบคู่กับดิบ  คาวควบคู่กับเจ
ขอแนะนำว่า  แต่นี้ไปให้กินผักดิบผลไม้สดแต่ละมื้อ ถ้าเปลือกกินได้ก็กินทั้งเปลือกจะยิ่งดี  เพราะแพทย์
แผนจีนถือว่า กินของดิบลดอาการร้อนใน  แพทย์แผนปัจจุบันก็ถือว่า ผักผลไม้สดดิบให้วิตามินดีกว่า




สุดท้ายจะพูดถึง ยาบำรุง



เราไม่ต้องเสียเงินมากมายซื้อยามาบำรุงร่างกาย  ผักและผลไม้มีวิตามินสูง ถ้ากินให้ถูกวิธี  ก็สามารถ
ดูดซึมวิตามินเพียงพอต่อร่างกาย  สิ่งที่ต้องการคือแคลเซียม ผู้หญิงควรกินแคลเซียมวันละ 3000 มก .
ขึ้นไป ผู้ชายกินวันละ 4000 มก . ขึ้นไป พร้อมกับอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ  คนทั่วไปมักเข้าใจ
ผิด คิดว่าแคลเซียมใช้สำหรับรักษาโรคไขข้ออักเสบ  ที่จริงแล้วแคลเซียมช่วยกระตุ้นให้โลหิตไหลเวียน
นอกจากนั้น  ยังป้องกันเส้นโลหิตแข็งตัว ดังนั้น ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง  ควรกินแคลเซียมให้เพียง
พอ เพื่อให้เส้นโลหิตอ่อนตัว ความดันก็จะลดตาม  ยาลดความดันก็ไม่ต้องกินมาก




             ขอฝากคำขวัญให้ทุกท่าน “ อยากให้ร่างกายดี  กินอาหารถูกวิธี อยากให้สุขภาพเยี่ยม
อย่าลืมกินแคลเซียม ” อย่าลืม  อาหารต้องมาก่อนยา เป็นโรคอย่าพึ่งแต่ยา  พึงใช้ยาในยามวิกฤติเท่า
นั้น



ขอส่งท้ายด้วย 4 ประโยคดังนี้ “ หมอที่ดีที่สุดคือตัวเรา  โรงพยาบาลที่ดีที่สุดคือห้องครัว ยาที่ดีที่สุดคือ
อาหารมีคุณค่า  การรักษาที่ดีที่สุดคือเวลา ” หมายความว่า  ตัวคุณเองต้องรู้จักรักษาตัวเอง ห้องครัว
ในบ้านคุณเป็นโรงพยาบาลที่ดีที่สุด  ยากับอาหารมีความหมายเดียวกัน  กินอาหารให้ถูกต้องก็คือยาที่ดีที่
สุด การรักษาต้องต่อเนื่อง  ไม่ใช่ทดลองแล้วก็หยุด หรือเปรียบเสมือนใช้อวนจับปลา 3 วัน  แล้วก็ตาก
อวนหยุดจับปลา 2 วัน  ต้องใช้เวลาเพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ดี




             ท้ายที่สุด  ผมขอแนะนำดังนี้

              1.    หลังจากฟังคำบรรยายแล้ว นำไปเผยแพร่แก่ญาติมิตร  เพื่อให้ทุกคนมีสุขภาพ
ดี และเป็นการทบทวนในตัว

              2.    เขียนข้อความ “ ก่อนถึงเก้าสิบเก้า  ห้ามเข้า ( โลง ) เด็ดขาด ” ติด
ไว้หน้าเตียง  เพื่อเตือนตัวเองกินให้ถูกวิธี



             ก่อนลาจาก  ขอให้เราทุกคนตะโกน “ ยืนหยัดไม่ไป ( ตาย ) ก่อนอายุ 99”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น