"เอดิสัน" เป็นนักประดิษฐ์ที่ชาวโลกรู้จั กกันดีในฐานะผู้คิดค้นหลอดไฟได้ เป็นคนแรกของโลก แล้วเขายังมีนวัตกรรมอันเป็ นผลงานสร้างสรรค์อีกมากมาย และในช่วงเวลา 84 ปีที่เขายังมีลมหายใจ เอดิสันยังได้มองไกลถึงนวั ตกรรมของเขาว่าจะทำให้ โลกอนาคตเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
ในวันเกิดครบรอบปีที่ 164 ของ "โทมัส เอดิสัน" (Thomas Edison) เมื่อวันที่ 11 ก.พ.2011 ที่ผ่านมา "เนชันแนลจีโอกราฟิก" จึงได้นำเรากลับไปย้อนทบทวน "คำคาดการณ์" ของเอดิสัน เมื่อครั้งที่เขาเคยให้สัมภาษณ์ ลงนิตยสาร "คอสโมโปลิแทน" (Cosmopolitan : ที่สมัยนั้นยังเป็นนิตยสารทั่ วไป) โดยเป็นการรวบรวมและอธิ บายขยายความเพิ่มเติมจากหนังสือ "เอดิสัน : ชีวิตแห่งการคิดค้น" (Edison: A Life of Invention)
ไปดูกันกว่า คำทำนายของ "เอดิสัน" เมื่อ ปี 1911 มีอะไรเกิดขึ้นจริงแล้วบ้างในปี 2011
หนังสือจะทำจากโลหะ
เอดิสันได้จินตนาการว่า หนังสือในอนาคตจะไม่ใช้ กระดาษหากแต่เป็นโลหะนิเกิ ลแทนและหนังสือนิเกิลนี้จะมี ราคาถูกกว่า แข็งแรงกว่าและยังเป็นวัสดุที่ ยืดหยุ่นได้มากกว่ากระดาษ
แน่นอนว่าเอดิสันไม่มีทางรู้จัก "หมึกอิเล็กทรอนิกส์" (e-ink) ที่กลายเป็นตัวอักษรแห่งโลกดิจิ ทัล แต่เขาก็ได้มองไกลไปเกินกว่าหนั งสือที่เขาถือไว้ในมือเสียอี กและนิเกิลก็ใช้ทำสแตนเลสสตี ลเป็นมันวาวเหมือนอุปกรณ์อิเล็ กทริกส์ ทั้งคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต ที่เราแทบจะใช้แทนหนังสือกั นไปแล้ว
ในวันเกิดครบรอบปีที่ 164 ของ "โทมัส เอดิสัน" (Thomas Edison) เมื่อวันที่ 11 ก.พ.2011 ที่ผ่านมา "เนชันแนลจีโอกราฟิก" จึงได้นำเรากลับไปย้อนทบทวน "คำคาดการณ์" ของเอดิสัน เมื่อครั้งที่เขาเคยให้สัมภาษณ์
ไปดูกันกว่า คำทำนายของ "เอดิสัน" เมื่อ ปี 1911 มีอะไรเกิดขึ้นจริงแล้วบ้างในปี 2011
หนังสือจะทำจากโลหะ
เอดิสันได้จินตนาการว่า หนังสือในอนาคตจะไม่ใช้
แน่นอนว่าเอดิสันไม่มีทางรู้จัก "หมึกอิเล็กทรอนิกส์" (e-ink) ที่กลายเป็นตัวอักษรแห่งโลกดิจิ
เครื่องยนต์จะมาแทนคนงาน
ในปี 1911 เอดิสันบอกคอสโมโปลิแทนว่า เครื่องจักรกลทั้ งหลายจะสามารถสร้างและประกอบสิ่ งของต่างๆ ทดแทนการใช้มือคนได้อย่างแน่นอน
"วันที่ช่างเย็บผ้าตามท้ องถนนจะนั่งหน้าดำคร่ำเคร่งด้ นตะเข็บกำลังจะหมดลง" เขาทำนายและเห็นว่า เครื่องจักรกลจะเข้าไปแทนที่ผู้ ใช้แรงงาน ซึ่งก็เป็นอย่างภาพที่เราเห็นกั นในโลกยุคอุตสาหกรรมในปัจจุบัน
ในปี 1911 เอดิสันบอกคอสโมโปลิแทนว่า เครื่องจักรกลทั้
"วันที่ช่างเย็บผ้าตามท้
โทรศัพท์จะฉลาดขึ้น
แม้เอดิสันจะไม่ใช่ผู้ประดิษฐ์ โทรศัพท์ แต่เขาก็พัฒนาโทรเลขแบบใช้เสี ยงขึ้น (phonograph) อันเป็นพื้นฐานให้นำไปสู่สิ่ งประดิษฐ์ที่เรียกว่า "โทรศัพท์" และเมื่อนั้นเอดิสันก็เชื่อว่ าในอนาคตจะมีการประยุกต์ใช้ งานโทรศัพท์ได้อี กหลากหลายมากมาย
อย่างไรก็ดี เทคโนโลยีทางด้านโทรศัพท์ที่พั ฒนาได้ก้าวไกลจนถึงทุกวันนี้ และจะก้าวไกลไปกว่าที่เราจะจิ นตนาการได้ ก็เพราะพื้นฐานที่ มาจากโทรเลขแบบเสียงของเอดิสั นนั่นเอง
แม้เอดิสันจะไม่ใช่ผู้ประดิษฐ์
อย่างไรก็ดี เทคโนโลยีทางด้านโทรศัพท์ที่พั
โทรศัพท์ที่เอดิสันออกแบบใหม่ต่
โลกนี้จะมีแต่คอนกรีต
ผลจากการการสร้างเตาเผาแบบต่ อเนื่อง ทำให้เอดิสันได้ปฏิวัติอุ ตสาหกรรมซีเม็นต์จนนำไปสู่ การใช้คอนกรีตอย่างแพร่หลาย ตอนนั้น เอดิสันบอกว่าผู้คนเสียสติที่ สร้างตึกด้วยก้อนอิฐประกอบเข้ ากับแท่งเหล็ก ทำไมถึงไม่ใช้คอนกรีตเทให้เข้ ากับโครงสร้างเหล็กหรือเหล็กเส้ น
เขายังทำนายอีกว่า หลังจากปี 1941 สิ่งปลูกสร้างทั้งหลายจะเป็ นคอนกรีตเสริมเหล็ก ไม่ว่าจะเป็นคฤหาสน์สวยหรูหรื อตึกสูงระฟ้า คอนกรีตจะทำให้โครงสร้างเหล่านี ้ดำรงอยู่ต่อไปตราบนานเท่านาน
ในช่วงปี 1920 ตึกระฟ้าทั้งหลายก็ได้ใช้คอนกรี ตเสริมเหล็กจริงอย่างที่เอดิสั นว่าไว้ แต่หลังจากสิ้นสุดสงครามโลกครั้ งที่ 2เหล่าสถาปนิกยุคใหม่นิ ยมออกแบบตึกสูงที่มีโครงสร้างส่ วนใหญ่เป็นกรอบเหล็กติดผนั งกระจกมากกว่าคอนกรีตเสริมเหล็ กไปเสียแล้ว
เฟอร์นิเจอร์ไม้จะหายไป
เอดิสันบอกคอสโมโปลิแทนว่า เฟอร์นิเจอร์เหล็กจะถู กนำมาประดับบ้านวางแทนที่เฟอร์ นิเจอร์ไม้ ขณะที่สภาพสังคมในตอนนั้น แทบนึกถึงภาพแท่งเหล็กที่ตั้ งประดับบ้านไม่ออกเลยด้วยซ้ำ
"เด็กๆ ในรุ่นถัดไปจะได้นั่งเก้าอี้สู งทำจากเหล็กกล้า และรับประทานอาหารบนโต๊ะเหล็ กเช่นกัน พวกเขาจะไม่รู้จักเฟอร์นิเจอร์ ไม้ นั่นก็เพราะอัลลอยมีน้ำหนั กเบาและถูกกว่าไม้ และยังนำไปทำลวดลายได้ง่ายกว่ าไม้มะฮอกานีหรือไม้ชนิดอื่นๆ" เอดิสันกล่าวไว้
อีกทั้งในช่วงปี 1920 - 1930 เหล่าผู้ผลิต ก็เริ่มทดลองสร้างเฟอร์นิเจอร์ เหล็กให้กับสถานที่ทำงานต่างๆ มากขึ้น แม้ว่าตามบ้านจะยังคงใช้เฟอร์นิ เจอร์ไม้อย่างแพร่หลายก็ตาม
ไฟฟ้าจะขับเคลื่อนรถไฟแทนไอน้ำ
รถจักรไอน้ำเพิ่งก่อกำเนิดก่ อนเอดิสันเกิดเพียงครึ่งศตวรรษ แต่เอดิสันในวัยหนุ่มกลับบอกว่ าในไม่ช้ารถจักรไอน้ ำจะหมดไปและเทคโนโลยีกังหันน้ ำจะช่วยสร้างกระแสไฟฟ้าให้วิ่ งบนรางรถไฟได้และจะก้าวข้ ามไปจากยุคไอน้ำ
แค่เพียงศตวรรษเดียว ที่เอดิสันทำนายไว้เราก็ได้ ประจักษ์ชัดว่ารถจักรไอน้ำได้สิ ้นสุดลงแล้วแถมยังมีรถไฟที่ขั บเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้าเข้ ามาแทนที่
ผลจากการการสร้างเตาเผาแบบต่
เขายังทำนายอีกว่า หลังจากปี 1941 สิ่งปลูกสร้างทั้งหลายจะเป็
ในช่วงปี 1920 ตึกระฟ้าทั้งหลายก็ได้ใช้คอนกรี
เฟอร์นิเจอร์ไม้จะหายไป
เอดิสันบอกคอสโมโปลิแทนว่า เฟอร์นิเจอร์เหล็กจะถู
"เด็กๆ ในรุ่นถัดไปจะได้นั่งเก้าอี้สู
อีกทั้งในช่วงปี 1920 - 1930 เหล่าผู้ผลิต ก็เริ่มทดลองสร้างเฟอร์นิเจอร์
ไฟฟ้าจะขับเคลื่อนรถไฟแทนไอน้ำ
รถจักรไอน้ำเพิ่งก่อกำเนิดก่
แค่เพียงศตวรรษเดียว ที่เอดิสันทำนายไว้เราก็ได้
ยุคทองของการเล่นแร่แปรธาตุ
เหล่านักเล่นแร่แปรธาตุมี ความพยายามที่จะสร้างทองคำเที ยมมาตั้งแต่ยุคฟื้นฟูศิลปวั ฒนธรรม แม้แต่เอดิสันก็ให้ความสนใจซึ่ งเขาพูดถึงสิ่งนี้ ก่อนจะมีอุตสาหกรรมผลิ ตทองในสหรัฐฯ เสียอีก
เอดิสันเกือบทายถูกว่า เราจะสามารถสร้างทองได้ เองเพราะมีนักวิทยาศาสตร์ สามารถจัดเรียงอะตอมจนเป็นทองสั งเคราะห์ได้สำเร็จในห้องปฏิบัติ การ
ทว่า การสร้างทองเทียมได้ก็หาใช่เรื่ องน่าตื่นเต้น เพราะโลกยุคปัจจุบั นเราสามารถสร้างวัตถุเทียมขึ้ นได้อีกมากมายหลายชนิด
เทคโนโลยีทำชีวิตไม่มีจน
"ความยากจนนั้น คือโลกที่ผู้คนใช้แต่มือ ทว่าตอนนี้มนุษย์เริ่มใช้ สมองของพวกเขาแล้ว ดังนั้นความยากจนกำลังจะหมดลง" มุมมองของโทมัส เอดิสันต่อความยากจน โดยเขาเชื่อว่านับจากยุคของเขา ที่มีการประดิษฐ์คิดค้นนวั ตกรรมกันอย่างมากมาย จะส่งผลให้ความยากจนค่อยๆ หมดไป
เอดิสันมองประโยชน์ของเทคโนโลยี ว่า จะช่วยสร้างความก้าวหน้าทางธุ รกิจ เพิ่มความอุดมสมบูรณ์ ทั้งความร่ำรวยและความดีงาม อันจะทำให้ความยากจนหดหายไป ซึ่งยังไม่ใช่โลกในปี 2011 เป็นแน่แท้
คำทำนายของเอดิสันมองจากพื้ นฐานสังคมในยุคนั้น และวิเคราะห์แนวโน้มอนาคตที่ อาจจะไปถึงแล้วหรือยังไปไม่ถึง
แต่ที่แน่ๆ มุมมองของเขาในฐานะนักประดิษฐ์ คนสำคัญของโลก ที่มีผลงานจดสิทธิบัตรนับพันชิ้ น ในวัย 50 ต้นๆ เขาได้กลายเป็นเมธีนวัตกร นักคิดค้นสำคัญของชาติอเมริกัน (และโลก) ซึ่งในยุคของเขานั้นมีความศรั ทธาต่อการใช้เทคโนโลยีสร้ างความก้าวหน้า ผลงานของเขาหลายสิ่ง ที่ยังคงกลายเป็นรากฐานและมีอิ ทธิพลต่อนวัตกรรมในยุคปัจจุบัน.
เหล่านักเล่นแร่แปรธาตุมี
เอดิสันเกือบทายถูกว่า เราจะสามารถสร้างทองได้
ทว่า การสร้างทองเทียมได้ก็หาใช่เรื่
เทคโนโลยีทำชีวิตไม่มีจน
"ความยากจนนั้น คือโลกที่ผู้คนใช้แต่มือ ทว่าตอนนี้มนุษย์เริ่มใช้
เอดิสันมองประโยชน์ของเทคโนโลยี
คำทำนายของเอดิสันมองจากพื้
แต่ที่แน่ๆ มุมมองของเขาในฐานะนักประดิษฐ์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น